NOT KNOWN FACTS ABOUT จดทะเบียนสมรสเท่าเทียม

Not known Facts About จดทะเบียนสมรสเท่าเทียม

Not known Facts About จดทะเบียนสมรสเท่าเทียม

Blog Article

ในส่วนของร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีสาระสำคัญ ดังนี้

สภาผ่านร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมแล้ว

คำบรรยายภาพ, คู่รักเพศเดียวกันถูกเฆี่ยนตีอย่างเปิดเผยในจังหวัดอาเจะห์ ซึ่งเป็นจังหวัดเดียวที่บังคับใช้กฎหมายชารีอะห์ในอินโดนีเซีย

ในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ได้อภิปรายกันอย่างกว้างขวางถึงความจำเป็นในการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการสมรส เช่น สิทธิในการจัดการทรัพย์สินของคู่รักผู้มีความหลากหลายทางเพศ สวัสดิการสำหรับคู่สมรส สิทธิการตัดสินใจในการรักษาพยาบาล เป็นต้น

ได้รับความเท่าเทียม และได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายหลังจดทะเบียนสมรส

ร.บ.คู่ชีวิต ไม่ครอบคลุมการเข้าถึงสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ของคู่ชีวิต

“เขารอมาตั้งนาน ผมจึงอยากเรียกร้องขอความเห็นใจกับน้อง ๆ ที่รอมานาน ขอให้มันเร็วกว่านี้ได้ไหม”

อ่านเกี่ยวกับแนวทางของเราในการติดต่อกับลิงก์ภายนอก

นอกจากนั้นในมุมมองเรื่องหมั้น ที่แต่เดิมให้ชายโดยกำเนิดเท่านั้นที่จะเป็นผู้รุกเริ่มนำของหมั้นไปหมั้นหญิง ก็กลับกลายเป็นว่าใครใคร่หมั้นก็หมั้น ไม่มีข้อที่จะต้องบังคับกะเกณฑ์ว่าเพศชายต้องเป็นฝ่ายรุกเริ่ม ซึ่งหมายความว่า กฎหมายให้อิสระในการกำหนดชีวิตเป็นสถาบันครอบครัวของบุคคลโดยไม่คำนึงเพศ แม้กระทั่งเรื่องฝ่ายเริ่มต้นเข้าหาอีกฝ่ายเพื่อการมอบของหมั้น ก็ไม่มีการกำหนดเจาะจงเพศอีกต่อไป

ดร.นฤพนธ์ ยังอธิบายเพิ่มเติมด้วยว่า การแต่งงานของคนในสมัยก่อน ลูกสาวคนโตคือผู้ได้รับมรดกจากพ่อแม่ ต้องครองเรือนอยู่ในครอบครัวพร้อมกับสร้างทายาท ขณะที่ลูกชายจะต้องออกไปอยู่บ้านผู้หญิง เพื่อไปเป็นลูกเขย และเป็นแรงงานให้กับบ้านพ่อตาแม่ยาย

อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมของคณะรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล และภาคประชาชน มีความแตกต่างกันในรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นอายุการสมรส ระยะเวลาการบังคับใช้หลังประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา ระยะเวลาการบังคับให้หน่วยราชการแก้ไขกฎหมายฉบับอื่นที่เกี่ยวข้อง และเรื่องความเป็นบุพการีและขอบเขตความรับผิดชอบที่เกี่ยวกับกฎหมายอื่น

ร่าง พ.ร.บ. ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ

จิตรพรตยังอ้างถึงรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่มีการกำหนดบุคคลผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่าเป็นผู้ที่ “มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปีในวันเลือกตั้ง”

ทั้งคู่มองว่าการที่นายทะเบียนไม่สามารถจดทะเบียนสมรสให้กับตนและคู่รักเป็นการละเมิดสิทธิ์ จึงมีการร้องเรียนไปยังสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยมี ‘ยิ่งลักษณ์ จดทะเบียนสมรสเท่าเทียม ชินวัตร’ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ในขณะนั้น จึงตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อทำการศึกษาข้อกฎหมายว่าการแต่งงานของคู่รักเพศเดียวกันขัดต่อกฎหมายหรือไม่ แต่ด้วย ณ เวลานั้น มีแรงต้านจากผู้ไม่สนับสนุนที่มองว่าคู่รักเพศเดียวกันไม่สามารถ “สมรส” กันได้ รัฐบาลจึงเสนอร่างกฎหมาย “คู่ชีวิต” แยกออกจากกฎหมายสมรสที่มีอยู่เดิมโดยอ้างว่าป้องกันความไม่เห็นด้วยของผู้ไม่สนับสนุน

Report this page